1959 VESPA 125
"ล้อเล็ก" ยุคกลาง กับนวัตกรรมโครงสร้าง "ยุคเปลี่ยนถ่าย"
"59 หัวประกบ" บ้านเราขนานนามเป็น "ชื่อเล่น" ของรถ "ล้อเล็ก" รุ่นหนึ่ง ที่บังเอิญมีเรทติ้งดีอยู่ในสารบบ ผลผลิตอานิสงส์...กับ...ต้นกำเนิดของงานสร้างสรรค์ มันเป็นศิลปะที่ผสมผสานเข้ากับแขนงงานด้านวิศวกรรมชั้นสูงได้อย่างลงตัว เครื่องยนต์บล็อกเล็กๆ เพียง "5 แรงม้า" ทว่า กลับสามารถสร้างสรรค์พละกำลังมาใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ...วันนี้ ถึงคิว Vespa 125 รุ่น... ท็อป!!! จะเข้าคิว "ไขก๊อก" ให้เรา "สันดาป" จน...หมดปลอก!!!
 |  |
 |  |
1958 ถือเป็นเหตุการณ์ "ยุคเปลี่ยนถ่าย" สำหรับครั้งหนึ่งของโรงงาน Piaggio รถจักรยานยนต์จากแบบแผนการผลิตรุ่นดั้งเดิม...กำลัง...จะได้รับการขัดเกลา ครั้งใหญ่ "พิมพ์เขียว" เอี่ยมอ่องเพื่อรองรับการขยายตัวทั้งทางด้านเศรษฐกิจโรงงาน และวิวัฒนาการแห่งโลกการค้าเสรี สำหรับตลาดภายในประเทศ รถ "แฮนด์แป๊บตะเกียงบน" เครื่องยนต์ทั้ง 125/ 150 ซี.ซี. กำลังทำหน้าที่ของมันอย่างซื่อสัตย์ ทว่า กลับไม่รู้ชะตากรรม...ว่า...2-3 ปีถัดจากนี้ไป...มันกำลังจะสูญพันธุ์!!!...หากมองในแง่ของการพัฒนาธุรกิจที่ เป็นเหตุผลโดยชอบธรรมสำหรับการสังคายนาครั้งนี้ ทีมวิศวกรรมเสนอรูปเทคนิคงาน "ขึ้นบอดี้" ล่าสุดหลังได้รับการอนุมัติ เหล็กแผ่นขึ้นรูปแบบชิ้นเดียว (Monocoque) ยังคงเป็นพื้นฐาน รถรุ่น 125 คันใหม่กำลังเป็นรูปเป็นร่าง ทว่า เทคนิคการสอดประสานบอดี้แบบใหม่ถูกหยิบมาใช้ โดยเฉพาะบั้นท้ายที่ขึ้นรูปแยกชิ้น ประกบซ้าย/ขวา...ก่อน...ทำ "การเชื่อม" ตามแนวตะเข็บสันกลางตลอดลำตัว มันเพิ่มความแข็งแกร่ง มั่นคง และลดอาการบิดตัวได้เป็นอย่างดี
เครื่อง ยนต์ถูกปรับตำแหน่ง และขยับน้ำหนักมาวางทาง "ด้านซ้าย" ของตัวถังมากขึ้น ซีกขวาเป็นที่อยู่ของห้องกักอากาศขนาดใหญ่ที่พร้อมจะเรียกใช้สู่ห้องเผาไหม้ งานออกแบบด้านวิศวกรรมในส่วนของเครื่องเคราคืออานิสงส์ที่แถมพก เฟืองสตาร์ทซี่รอบแบบใหม่ถูกติดตั้งแทนที่ มันจำเป็นต้องปรับหน้าตาของห้องเกียร์ รวมถึงเคสเครื่องยนต์ก็ดูจะผิดแผกแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด เทคโนโลยีที่ถูกผนวกเข้ากับโครงการนี้ จึงช่วยให้ภาพรวมของโครงสร้างรถนั้น "แคบลง" อย่างถนัดตา เหลือเพียง 26 นิ้ว (จากเดิม 31 นิ้ว) โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ส่วนท้ายบริเวณจุดวางถังน้ำมันเชื้อเพลิง (ด้านล่างของตะแกรงหลัง) ที่ปรับองศาให้มันยกตัวสูงขึ้น มันดูเรียบๆ ตรงๆ ไม่โค้งสโลปล้ออย่างที่ชินตา...กระโปรงท้ายแบบยึด 2 จุด กลไกบิดล็อกก็เป็นอีกจุดที่ได้รับการแก้ไข การออกแบบซี่ร่องเป็นเส้นยาวป้องกันตัวพัดลมก็ดูโดดเด่นสะดุดตา
มันเป็นรูปแบบเดียวกันกับฝาครอบพัดลมที่ต่างก็ได้รับการออกแบบใหม่ให้รับกัน...125 คันใหม่ "แข็งแกร่ง" และ "เบา" กว่าอย่างเห็นได้ชัด น้ำหนักตัวที่เคลมไว้ที่ 180 ปอนด์ (81 กก.) เทียบเคียงกับเครื่องยนต์ที่มีพละกำลังเพียง 4.6 แรงม้า มันให้สมรรถนะที่ถูกต้อง ลงตัว และหากถามถึงเรื่องความเร็วที่ 45 ไมล์/ชั่วโมง (78.5 กม./ชม.) ณ ห้วงเวลานั้น...ก็เรียกว่าไม่น่ารังเกียจแต่ประการใด แถมอัตราการ "จิบน้ำมัน" ที่ 75 ไมล์/แกลลอน ก็ถือเป็นผลตอบแทนที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธ...หรือ...หากจะหยิบมันมาเป็นรถทัวร์ ด้วยความจุเชื้อเพลิงขนาด 2.3 แกลลอน (7.7 ลิตร) มันจะพาคุณโลดแล่นได้ไกล...ล...เกินกว่า 250 ไมล์ (400 กม.)...อย่างไม่ต้องสงสัย!!!
 |
ระบบขับเคลื่อนด้วยชุดเกียร์ผ่านสายเคเบิลแบบ 3 สปีดอานิสงส์จากรุ่นก่อนหน้ายังคงถูกเรียกหา ครั้งนี้มันถูกซ่อนเก็บไว้ในกระปุกเกียร์ตัวใหม่ที่สามารถป้องกันทั้ง ฝุ่น น้ำ ความชื้น ต้นตอแห่งสนิม รวมถึงแรงกระแทกกระทั้นจากเหตุสุดวิสัย หน้าตาใหม่ที่หมายรวมนี้ยังคงสืบเนื่องถึงแฮนเดิ้ลบาร์แบบ "หัวประกบ" ตามสรรพคุณ ด้วยกลไกปลด/พับล็อก จุดเดียวภายในหัวกะโหลก คิ้วกลม ขนาด 4.2 นิ้ว (ขนาดเดียวกับตะเกียงบน) มันอิงเหตุผลหลักในเรื่องงานเซอร์วิสที่ง่ายดาย ทว่า กลับช่วยไม่ได้ หากจะถือเป็น "เรทติ้ง" ที่ ส่งให้ "เจ้าของ" เนื้อหอม เด่นดัง ในวงการเข้าชั้น... "เทพ"...เค้าว่า...งั้น!!!
อยากได้มั้งจัง
ตอบลบ